อิฐมวลเบาเป็นผลิตภัณฑ์คอนกรีตชนิดใหม่
ผลิตจากวัตถุดิบธรรมชาติได้แก่ ปูนซิเมนต์ ทราย ปูนขาว ยิบซั่ม น้ำ
และสารกระจายฟองอากาศส่วนผสมพิเศษในอัตราส่วนที่เป็นสูตรเฉพาะตัว เป็นวัสดุก่อสร้างยุคใหม่ที่มุ่งเน้นให้เกิด
ประโยชน์สูงสุดจากการนำไปใช้งานทุกด้าน ด้วยคุณสมบัติพิเศษ คือ
ตัววัสดุมีน้ำหนักเบา ขนาดก้อนได้มาตรฐานเท่ากันทุกก้อน ทนไฟ ป้องกันความร้อน
ป้องกันเสียง ตัดแต่งเข้ารูปง่าย ใช้งานได้เกือบ 100%
ไม่มีเศษเป็นอิฐหัก และที่สำคัญคือรวดเร็ว สะอาด
ลดระยะเวลาในการก่อสร้างและลดต้นทุนโครงสร้างและมีคุณสมบัติที่ ดังนี้
1. คุณสมบัติทางกายภาพ
อิฐมวลเบา หนา 10 เซนติเมตร
เมื่อรวมน้ำหนักวัสดุรวมปูนฉาบจะหนัก 120 กิโลกรัม
ในขณะที่อิฐมอญก่อ 2 ชั้น
(เว้นช่องว่างตรงกลาง) จะหนัก 180 กิโลกรัม
ซึ่งน้ำหนักของการก่ออิฐมอญจะมากกว่าทำให้ต้องเตรียมโครงสร้างเผื่อกันรับน้ำหนักในส่วนนี้ด้วย
ทำให้ต้นทุนโครงสร้างเพิ่มขึ้น
2. การกันความร้อน
หากเป็นกรณีปกติ “อิฐมวลเบา”จะมีค่าการนำความร้อนที่ต่ำกว่าอิฐมอญประมาณ 8-11 เท่า แต่การก่อผนังภายนอกอิฐจะต้องมีความหนา 10 เซนติเมตร และผนังภายในหนา 7 เซนติเมตร
ขึ้นไป จึงจะสามารถกันความร้อนได้ดี แต่ในกรณีใช้อิฐมอญก่อ 2 ชั้น ตัวช่องว่างตรงกลาง จะทำหน้าที่เป็นฉนวนกันความร้อนที่ดี
และอิฐแถวด้านในไม่สัมผัสความร้อนโดยตรง
จึงทำให้คุณสมบัติตรงนี้ของอิฐมอญจะมีความสามารถในการกันความร้อนได้ดีกว่า
แต่การเว้นช่องว่างไม่ควรต่ำกว่า 5 เซนติเมตร
3. การกันเสียง
ปกติอิฐมวลเบาจะกันเสียงได้ดีกว่าอิฐมอญประมาณ 20% แต่ในกรณีใช้อิฐมอญก่อ 2 ชั้น
ช่องว่างตรงกลางจะทำหน้าเป็นฉนวนกันเสียงได้ดีกว่าเกือบ 2 เท่า
แต่อิฐมวลเบาจะลดการสะท้อนของเสียงได้ดีกว่าเนื่องจากโครงสร้างของอิฐมวลเบามีฟองอากาศเป็นจำนวนมากอยู่ภายในทำให้ดูดซับ
เสียงได้ดี จึงเหมาะสำหรับห้องหรืออาคารที่ต้องการความเงียบ เช่น
โรงภาพยนตร์หรือห้องประชุม
4. การกันไฟ
อิฐมอญก่อ 2
ชั้นมีฉนวนตรงกลาง (ช่องว่างตรงกลาง) จะกันไฟได้ดีกว่าอิฐมวลเบาเล็กน้อยและทนไฟที่
1,100 องศาเซลเซียส ได้นานกว่า 4
ชั่วโมงซึ่งนานกว่าอิฐมอญ 2-4 เท่า
ทำให้จะช่วยจำกัดความเสียหายในกรณีที่เกิดเพลิงไหม้ได้
5. ความแข็งแรง
การใช้งานทั่วไปไม่ต่างกัน
แต่ผนังอิฐมอญจะเหมาะสำหรับการใช้วัสดุกรุผนังที่มีน้ำหนักมาก เช่น หินแกรนิต
หรือหินอ่อน
6.น้ำหนักเบาและรับแรงกดได้ดี
น้ำหนักเบากว่าอิฐมอญ 2-3 เท่า
และเบากว่าคอนกรีต 4-5 เท่า
ส่งผลให้ประหยัดค่าก่อสร้างโครงสร้างอาคาร และเสาเข็มลงได้อย่างมาก
แต่อาคารยังคงมีความแข็งแรงเท่าเดิมจากโครงสร้างของอิฐมวลเบาที่ประกอบไปด้วยฟองอากาศจำนวนมากทำให้มีน้ำหนักเบาและสามารรับแรงกดได้ดี
ซึ่งจากคุณสมบัติข้อนี้ทำให้ผู้ใช้สามารถประหยัดต้นทุนในการ ก่อสร้างได้มาก
ยกตัวอย่างเช่น ไม่ต้องลงเสาเข็มลึกมากเนื่องจากโครงสร้างเบาและสามารถ
ก่อสร้างโดยใช้โครงสร้างที่เล็กลง
ทำให้ประหยัดการใช้เหล็กและมีพื้นที่ใช้สอยภายในมากขึ้น
7. ประหยัดพลังงาน
เนื่องจากสามารถกันความร้อนได้ดีกว่าอิฐมอญแล้วยังใช้เครื่องปรับอากาศที่มีขนาดเล็กลงได้
ช่วยประหยัดค่าไฟไปได้มาก กันความร้อนได้ดีกว่าอิฐมอญถึง 4-8 เท่า จึงช่วยลดการถ่ายเทความร้อนจากภายนอก
สู่ภายในอาคารได้เป็นอย่างดี ช่วยลดค่าไฟฟ้าได้ถึง 30%
8. ใช้งานง่าย
และรวดเร็ว เนื่องจากการผลิตที่เป็นมาตรฐานทำให้สินค้าที่ออกมาเท่ากันทุกก้อน
ไม่เหมือนกับอิฐมอญที่ยังมีความไม่เป็นมาตรฐานอยู่ทำให้การก่อสร้างโดยใช้อิฐมวลเบาจะใช้เวลาในการก่อและเกิดการสูญเสียน้อยกว่า
โดยเฉลี่ยแล้วภายใน 1
วันการก่อผนังโดยใช้อิฐมวลเบาจะได้พื้นที่ 25
ตรมไม่ต้องอาศัยความชำนาญของช่าง สามารถตัด แต่ง เลื่อย ไส เจาะ
ฝังท่อระบบได้โดยใช้เครื่องมือเฉพาะที่ใช้งานง่าย และหาซื้อได้ทั่วไป.
ขณะที่หากใช้อิฐมอญจะก่อได้เพียง 12 ตรม.
นอกจากนี้ยังช่วยประหยัดวัสดุอื่นๆ เช่น ปูนฉาบด้วย
เนื่องจากสามารถก่อฉาบได้บางกว่าช่วยจำกัดความเสียหายในกรณีที่เกิดเพลิงไหม้ได้
9.มิติเที่ยงตรง
ขนาดมิติเที่ยงตรง แน่นอน ได้ชิ้นงานที่เรียบ สวยงาม มีหลายขนาดให้เลือก
ประหยัดวัสดุ และ แรงงานในการก่อ ฉาบ
10. อายุการใช้งาน
ยาวนานเท่าโครงสร้างคอนกรีต (50 ปี)
เนื่องจากวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตได้แก่ ปูนซีเมนต์
ทราย สารกระจายฟองและเหล็กเส้น
จึงมีอายุการใช้งานยาวนานกว่า อิฐมอญซึ่งส่วนผสมส่วนใหญ่ คือ ดิน
จากคุณสมบัติอันโดดเด่นบวกกับมาตรฐานที่เป็นสากลดังที่กล่าวมาข้างต้น
ท่านสามารถติดต่อสั่งซื้ออิฐมวลเบา BlokCoได้ที่โรงงานผลิตของเราได้ที่
1.โรงงานผลิตอิฐมวลเบา ตั้งอยู่ที่ อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี
เดินทางง่าย สะดวก มีพนักงานให้บริการอย่างดี
2.ที่ตั้งโรงงานอยู่บนถนนเส้นรอบเมือง ตรงข้าม Big C อำเภอเมือง
จังหวัดศรีสะเกษ สังเกตได้ง่าย
เดินทางสะดวก
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ :http://www.hbaan.com/blokco.html
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น