วันอังคารที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2556

ประโยชน์ของอิฐมวลเบา BlokCo

            อิฐมวลเบา ถือว่าเป็นการพัฒนาวัสดุก่อสร้างชนิดใหม่ ที่เริ่มเข้ามาแทนที่อิฐก่อสร้างในอดีต ซึ่งอิฐมวลเบากำลังเป็นที่นิยมมาก เนื่องจากวัสดุที่ใช้ในการผลิตมีความเที่ยงตรง และการนำอิฐมวลเบามาใช้ในโครงการก่อสร้างจะสามารถลดค่าใช้จ่าย ในการก่อสร้าง ซึ่งอิฐมวลเบา BlokCoจะเป็นประโยชน์ต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดังนี้
เจ้าของโครงการ (Developer)

งานเสร็จเร็วกว่า ทำให้ขายสินค้า (บ้าน) ได้เร็วกว่า เงินหมุนเวียนเร็วกว่า
- เป็นสินค้าที่มีความนิยมแพร่หลาย ทำให้โครงการที่ทำมีมูลค่าเพิ่มขึ้น เพิ่มจุดขาย
- ลดค่าใช้จ่ายก่อสร้างลง เนื่องจากน้ำหนักโครงสร้างลดลง
ผู้รับเหมา (Contractor)

- ลดค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างลง เนื่องจากใช้ Joint น้อยลงกว่า 2.5%
- เวลาก่อสร้างเร็วขึ้นกว่า 30% จากขนาดที่ใหญ่ขึ้น
- น้ำหนักเบากว่า ก่อสร้างได้เร็วกว่า ใช้ช่างก่อจำนวนน้อยลง
- แข็งแรง ทนทานต่อทุกสภาวะอากาศ\
- มีหลากหลายขนาดให้เลือกตามความจำเป็นหน้างาน
-ง่ายต่อการก่อสร้าง มีมิติแน่นอน ลดการใช้ปูนฉาบ และปูนก่อลง
เจ้าของบ้าน (Home owner)

 - อยู่เย็นเป็นสุข เพราะอิฐไทคอน ช่วยลดและดุดซึมเสียง กันความร้อน ทันสมัย ไม่ติดไฟ
- ลดค่าไฟฟ้าลงกว่า 30%
- ปลวกไม่กิน
- ต้นทุนการซ่อมแซมต่ำ
ผู้แทนจำหน่าย (Agent)
สินค้าติดตลาด ง่ายต่อการขาย และทำกำไรได้ง่าย
- น้ำหนักเบา ช่วยลดค่าใช้จ่ายขนส่งในการจัดจำหน่ายสู่ลูกค้า
สิ่งแวดล้อม (Environment)

การผลิตไม่มีสารเป็นพิษเจือปน
- ไม่ปล่อยก๊าซออกสู่บรรยากาศจากขบวนการผลิต
- ใช้พลังงานในการผลิตน้อยลงกว่าครึ่ง เมื่อเทียบกับการผลิตอิฐมอญเป็นการช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม และลดก๊าซเรือนกระจก
- Joint ที่ลดลงทำให้ใช้ปูนซิเมนต์ในการก่อน้อยลง ช่วยลดปัญหาก๊าซ CO2 ในบรรยากาศ
          จากคุณสมบัติอันโดดเด่นบวกกับมาตรฐานที่เป็นมาตราฐานสากลดังที่กล่าวมาข้างต้น ท่านสามารถติดต่อสั่งซื้ออิฐมวลเบา BlokCoได้ที่โรงงานผลิตของเราได้ที่
1.โรงงานผลิตอิฐมวลเบา ตั้งอยู่ที่ อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี เดินทางง่าย สะดวก มีพนักงานให้บริการอย่างดี
2.ที่ตั้งโรงงานอยู่บนถนนเส้นรอบเมือง ตรงข้าม Big C อำเภอเมือง จังหวัดศรีสะเกษ สังเกตได้ง่าย   เดินทางสะดวก



วันจันทร์ที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2556

อิฐมอญแชมป์เก่า ปะทะ อิฐมวลเบา น้องใหม่มาแรง

จากโลกที่เปลี่ยนไป มนุษย์ได้พัฒนานวัตกรรมสมัยใหม่มากขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการการใช้งาน มนุษย์จึงคิดค้นสิ่งใหม่ๆเพื่อทดแทนสิ่งเดิมที่มีคุณภาพที่ด้อยกว่า จึงมีการคิดนวัตกรรมที่เรียกว่าอิฐมวลเบา เพื่อเข้ามาแทนที่ อิฐมอญที่ใช้กันมาอย่างยาวนานจากอดีตจนถึงปัจจุบัน แต่เมื่อก่อนใช้อิฐมอญในการก่อสร้างบ้านต้องใช้ระยะเวลาที่นาน วัสดุแตกหักง่าย ทำให้มีความล่าช้าในการก่อสร้างบ้านไม่ตอบสนองความต้องการของผู้ที่ต้องการสร้างบ้าน หรือผู้รับเหมาก่อสร้างที่ต้องการความรวดเร็ว แต่คุณภาพต้องดีกว่าเดิม

จากการโฆษณาในท้องตลาดอิฐมวลเบาถูกหยิบยกขึ้นมาว่า มีคุณภาพดีกว่าอิฐมอญทั่วไป เช่น สามารถทนไฟ-ความร้อนได้มากกว่า แข็งแรงและรับน้ำหนักได้มากกว่า น้ำหนักเบา สามารถก่อสร้างได้รวดเร็ว หากศึกษาให้ดีจะรู้ว่าอิฐทั้งสองแบบมีความแตกต่างกันอย่างไร
อิฐมวลเบา หรือชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า คอนกรีตมวลเบาขนาดความกว้าง 4 นิ้ว ยาว 9 นิ้ว หนา 7 เซนติเมตร โครงสร้างบล็อกมีลักษณะกลวง ก่อเป็นผนังรับแรงได้ การดูดซึมน้ำปานกลาง ความหนาของปูนก่อระหว่างก้อน 2.3 มิลลิเมตร ความหนาของปูนที่ฉาบ 10 มิลลิเมตร น้ำหนักวัสดุ 45 กิโลกรัมต่อตารางเมตร น้ำหนักผนังรวมฉาบปูน 2 ด้าน 90 กิโลกรัมต่อตารางเมตร การใช้งานต่อ 1 ตารางเมตรต้องใช้จำนวน 8.33 ก้อน ค่ากำลังอัด ( Compressive Strength ) 30-80 กิโลกรัมต่อตารางเมตร ค่าการนำความร้อน ( Thermal Conductivity ) 0.13 วัตต์ต่อ ม.เคลวิน อัตราการทนไฟ ( Fire Rating ) กรณีความหนา 10 เซนติเมตร อยู่ระดับ 4 อัตราการกันเสียง ( STC Rating ) 38 เดซิเบล ระยะเวลาในการก่อสร้าง 15-25 ตารางเมตรต่อวัน การติดตั้งวงกบประตู-หน้าต่าง ไม่ต้องเททับหลังและไม่ต้องมีค้ำยัน
 “อิฐมอญหรือ อิฐแดงผลิตจากดินเหนียวผสมแกลบ หรือวัสดุอื่นผสมน้ำ เผาด้วยเตาจนสุก โดยทั่วไปมีขนาดความกว้าง 5.5 เซนติเมตร ยาว 14 เซนติเมตร และหนา 3 เซนติเมตร โครงสร้างบล็อกมีลักษณะตัน ไม่สามารถก่อเป็นผนังรับแรง การดูดซึมน้ำสูง ความหนาของปูนก่อระหว่างก้อน 1.5 มิลลิเมตร ความหนาของปูนที่ฉาบ 20-25 มิลลิเมตร น้ำหนักวัสดุ 130 กิโลกรัมต่อตารางเมตร น้ำหนักผนังรวมฉาบปูน 2 ด้าน 180 กิโลกรัมต่อตารางเมตร การใช้งานต่อ 1 ตารางเมตรต้องใช้จำนวน 130145 ก้อน ค่าการนำความร้อน ( Thermal Conductivity ) 1.15 วัตต์ต่อ ม.เคลวิน อัตราการทนไฟ ( Fire Rating ) กรณีความหนา 10 เซนติเมตร อยู่ระดับ 2 อัตราการกันเสียง ( STC Rating ) 43 เดซิเบล ระยะเวลาในการก่อสร้าง 6-12 ตารางเมตรต่อวัน การติดตั้งวงกบประตู-หน้าต่าง หล่อเสาเอ็นทับหลังและต้องมีค้ำยัน
ส่วนเรื่องต้นทุนการก่อสร้างด้วยอิฐมวลเบา นั้น ในความเป็นจริงอิฐทั้งสองประเภทมีต้นทุนใกล้เคียงกัน แต่อิฐมวลเบา จะช่วยให้ผู้ประกอบการหรือผู้รับเหมาลดต้นทุนค่าแรงและร่นระยะเวลาให้สั้นลง
การก่อ อิฐมอญ2 ชั้น จะทำให้น้ำหนักต่อตารางเมตรอยู่ที่ประมาณ 180 กิโลกรัม ซึ่งทำให้ต้องเตรียมโครงสร้างเผื่อกันรับน้ำหนักในส่วนนี้ ส่งผลให้ต้นทุนโครงสร้างเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว แต่เมื่อเทียบกับการใช้อิฐมวลเบา BlokCoที่มีราคาแพง ต้นทุนจึงไม่ได้แตกต่างกันมากนัก
ส่วนการก่อสร้าง-ความเรียบร้อย ขึ้นอยู่กับฝีมือในการก่อให้ได้แนวดิ่งของช่างก่อ หากก่อไม่ได้แนวดิ่งและการฉาบความหนาของปูนไม่สม่ำเสมอ จะทำให้ปูนฉาบเกิดการแตกร้าวในภายหลัง หากเปรียบเทียบราคาวัสดุและค่าแรงต่อตารางเมตร อิฐมวลเบา หนา 10 เซนติเมตร ราคาเฉลี่ยประมาณ 360-400 บาทต่อตารางเมตร อิฐมอญก่อ 2 ชั้นราคาเฉลี่ยประมาณ 400-420 บาทต่อตารางเมตร
ส่วนการระบายความร้อนนั้น สถาปนิก ผู้รู้ และเราๆท่านๆต่างก็รู้ว่า ความร้อนในบ้านเรามาจากหลังคามากที่สุด เพราะเราอยู่ในเขตเส้นศูนย์สูตรฉะนั้นเราสามารถกันความร้อนได้โดยการติดฉนวนกันความร้อนใต้หลังคา ทำระแนงชายคากว้างๆ ปลูกต้นไม้-ปลูกหญ้ารอบบ้าน ได้ทั้งความร่มรื่น สวยงาม ใกล้ชิดธรรมชาติ เผลอๆลดการใช้พลังงานในการเปิดเครื่องปรับอากาศได้อีกด้วย
จากคุณสมบัติอิฐมวลเบา BlokCoและอิฐมอญ ดังที่กล่าวมาข้างต้น หากท่านอยากที่จะพิสูจน์โดยการทดสอบจากการใช้งานจริง ง่ายๆเลยท่านสามารถติดต่อสั่งซื้ออิฐมวลเบา BlokCoได้ที่โรงงานผลิตของเราได้ที่
1.โรงงานผลิตอิฐมวลเบา ตั้งอยู่ที่ อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี เดินทางง่าย สะดวก มีพนักงานให้บริการอย่างดี
2.ที่ตั้งโรงงานอยู่บนถนนเส้นรอบเมืองตรงข้าม Big C อำเภอเมือง จังหวัดศรีสะเกษ สังเกตได้ง่าย   เดินทางสะดวก


โรงงานผลิตอิฐมวลเบา BlokCo เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

              ระบบการผลิตอิฐมวลเบา BlokCo ระบบ CLC ที่สมบูรณ์แบบที่สุดชุดเครื่องจักรผลิตคอนกรีตมวลเบา แนวอุตสาหกรรมขนาดเล็ก กำลังการผลิต อิฐมวลเบาสามารถผลิตได้วันละ 640 ก้อน / วัน เครื่องจักรมีประสิทธิภาพผลิตคอนกรีตมวลเบาที่มีความหนาแน่นสม่ำเสมอเท่ากัน อย่างทั่วถึง ความเสียหายในการผลิตน้อยกว่า 2% สามารถขยายกำลังการผลิตได้ถึง 1,500 ก้อน/วัน  ชุดผลิต อิฐมวลเบา
             คุณสมบัติเด่นของตัวผลิตภัณฑ์ที่ดีกว่าอิฐมวลเบาของบริษัทอื่นๆ อิฐมวลเบาง่ายต่อการฉาบ, มีฟองอากาศแทรกอยู่ในเนื้อคอนกรีต ซึ่งฟองอากาศที่มีลักษณะปิดของ อิฐมวลเบาที่ได้จะมีขนาดเล็กมากทำให้เห็นลักษณะของเนื้อคอนกรีต แน่น ตัน แต่เบาโดยบริษัท เอ็นวัน จำกัดได้มีการพัฒนาวัสดุและกระบวนการผลิตมา โดยแนวทางกระบวนการพัฒนามุ่งสู่ความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Green product) จึงเชื่อมั่นได้ว่าทั้งผลิตภัณฑ์และเครื่องจักรในกระบวนการผลิต จะได้ผลิตภัณฑ์ที่ดีมีคุณภาพ
โรงงานผลิตคอนกรีตระบบ CLC อื่นๆที่มีอยู่ในขณะนี้,ระบบการผลิตมีชิ้นงานที่เสียหายจากการผลิตน้อยกว่า 2%, ระบบการผลิตสามารถนำชิ้นงานที่เสียหายมา Recycle ได้ทั้งหมด
กรรมวิธีการผลิตอิฐมวลเบา BlokCoโดยวิธีการตัดเปียก
  • ระบบการผลิต
          การผลิตอิฐมวลเบา BlokCoระบบ CLC ในท้องตลาดปัจจุบัน มีการผลิตอยู่สองลักษณะคือ
  • การหล่อแบบเป็นก้อนโดยการสร้างแบบหล่อในลักษณะเป็นช่องตามขนาดของอิฐที่ต้องการ แบบหล่อ 1 ชุดจะออกแบบให้หล่ออิฐได้ตามจำนวนที่ออกแบบไว้
  • การหล่อแบบเป็นก้อนใหญ่ และ ทำการตัดด้วยเครื่องตัด ตามขนาดความหนาที่ต้องการ
1.            ตัดแห้ง
2.            ตัดเปียก
            อิฐมวลเบา เป็นวัสดุที่ใช้ในการก่อสร้างที่มีน้ำหนักเบา ช่วยลดอุณหภูมิความร้อนภายในตัวอาคาร ง่ายในการใใช้งาน เป็นคอนกรีตที่มีความหนาแน่นน้อยกว่าซีเมนต์คอนกรีตที่ใช้งานทั่วไป เนื้อของคอนกรีตมวลเบาเต็มไปด้วยฟองอากาศเล็กๆกระจายตัวเต็มทั่วทั้งหมด ทำให้เกิดโครงสร้างที่มีความพรุนและแข็งแรง ฟองอากาศเล็กๆๆเหล่านี้เป็นอิสระไม่เชื่อมต่อกัน ซึ่งทำให้เกิดลักษณะที่เป็นฉนวน
            การประยุกต์ใช้งานอิฐมวลเบา
การนำเอาคอนกรีตมวลเบามาใช้งานในเมืองไทยปัจจุบัน เรามีความคุ้นเคยกับผลิตภัณฑ์ บล็อกคอนกรีตมวลเบา ซึ่งแท้จริงแล้ว คอนกรีตมวลเบายังสามารถประยุกต์ใช้ได้อาทิ
ในการเททับหน้าพื้นผิวปรับระดับ แทนคอนกรีตปกติ ซึ่งสามารถลดต้นทุนต่อพื้นที่ได้ถึง20%
การเทพื้นดาดฟ้า อาคารเพื่อลดความร้อนจากดาดฟ้า
ผนังคอนกรีตมวลเบา ชนิดหล่อกับที่ (CIP)
ผนังคอนกรีตมวลเบาสำเร็จรูป
ผนังคอนกรีตมวลเบาสำเร็จรูป ชนิดเชื่อมต่อ
การใช้คอนกรีตมวลเบาในการเติมเต็มพื้นที่ ที่เป็นโพรง หรือริมชายน้ำเพื่อลดการทลายของตลิ่ง
ประติมากรรม ปูนพ่น เป็นต้น
            ด้วยวิธีการผลิตและกรรมวิธีในการผลิตอิฐมวลเบา BlokCo ที่ผ่านการผลิตด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ ซึ่งได้มาตรฐานเป็นที่ยอมรับทั้งในและต่างประเทศ ท่านสามารถติดต่อสั่งซื้ออิฐมวลเบา BlokCoได้ที่โรงงานผลิตของเราได้ที่
1.โรงงานผลิตอิฐมวลเบา ตั้งอยู่ที่ อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี เดินทางง่าย สะดวก มีพนักงานให้บริการอย่างดี
2.ที่ตั้งโรงงานอยู่บนถนนเส้นรอบเมืองตรงข้าม Big C อำเภอเมือง จังหวัดศรีสะเกษ สังเกตได้ง่าย   เดินทางสะดวก



วันอาทิตย์ที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2556

วิธีการฉาบอิฐมวลเบา

ผสมปูนฉาบคอนกรีตมวลเบา ในสัดส่วนปูนฉาบมวลเบา 1 ถุง ต่อ น้ำสะอาดประมาณ 10-12 ลิตรผสมให้เข้ากันด้วยโม่ผสมปูนหรือผสมมือด้วยกระบะผสมปูน ให้เข้ากันเป็นอย่างดี ควรผสมแค่พอใช้เท่านั้น และควรใช้ให้หมดภายใน 2 ชั่วโมง
ข้อควรระวัง: หลังจากผสมแล้ว ไม่ควรนำปูน ที่ทิ้งไว้จนแห้งตัว มาผสมน้ำเพิ่ม แล้วใช้งานต่อเพราะจะทำให้การรับกำลังของปูนลดน้อยลง เป็นผลทำให้ผนังของอาคารไม่แข็งแรงเกิดการแตกร้าวตามมาภายหลัง

                การเตรียมผิว
ใช้แปรงตีน้ำหรือไม้กวาดปาดและทำความสะอาดเศษผงที่ติดอยู่บนผนังคอนกรีตมวลเบาให้หมด และหากมีรอยแตกบิ่นให้อุดด้วยขี้เลื่อยคอนกรีตมวลเบาผสมกับปูนก่อมวลเบาเสียก่อน แล้วทั้งไว้ให้แห้งก่อนที่จะทำการฉาบ จากนั้นให้ราดน้ำที่ผนังให้ชุ่มประมาณ 2 ครั้ง แล้วทิ้งให้ผนังดูดซับน้ำ จึงเริ่มขั้นตอนการฉาบผนังคอนกรีตมวลเบา
การฉาบ
การฉาบผนังคอนกรีตมวลเบา พีซีซี จะใช้ปูนฉาบคอนกรีตมวลเบา ซึ่งมีคุณสมบัติพิเศษคือ มีแรงยึดเกาะสูง เนื้อละเอียด เหนียวลื่น มีความอุ้มน้ำสูง ทำให้ไม่แตกร้าว โดยการฉาบ จะฉาบด้วยความหนาเฉลี่ยเพียง 1.0 ซม. เท่านั้น คือที่ความหนา 0.51.5 ซม. โดยปูนหนึ่งถุงน้ำหนัก 50 กก. นั้น ใช้น้ำสะอาด 10-12 ลิตรผสม ได้พื้นที่ ฉาบประมาณ 2.8 - 3  ตร.ม. โดยมีขั้นตอนการฉาบดังนี้
1.ควรฉาบให้มีความหนาเฉลี่ย 1.0 ซม. คือที่ความหนา 0.51.5 ซม. โดยทำการฉาบ 2 ชั้น ชั้นละประมาณครึ่งหนึ่งของความหนาทั้งหมด
2. เมื่อฉาบชั้นแรกแล้วให้ทิ้งไว้ให้หมาด แล้วฉาบชั้นที่สองต่อ จนได้ความหนาที่ต้องการ หลังจากนั้นแต่งผิวให้เรียบตามวิธีปกติ
ข้อควรระวังในการฉาบ :
1. การฉาบปูนบนผนังคอนกรีตมวลเบา โดยฉาบเป็นชั้นเดียวแล้วตีน้ำเลยนั้น ทำได้เฉพาะกรณีที่ฉาบหนาไม่เกิน 1.5 ซม. ถ้าเกินกว่านี้ อาจส่งผลให้เกิดการแตกร้าวที่ผิว เนื่องจากการหดตัวของปูนฉาบ
2. การฉาบหนากว่า 2 ซม. ต้องแบ่งฉาบชั้นละประมาณ 1-2 ซม. และติดลวดตาข่ายระหว่างชั้นเพื่อป้องกันการแตกร้าวในกรณีหนากว่า 4 ซม.
3. ก่อนฉาบให้ติดลวดหรือพลาสติกตาข่าย ตามบริเวณมุมวงกบประตู, หน้าต่าง, รอยต่อเสา รวมถึงบริเวณที่มีการขุดเซาะร่องเพื่อฝังท่อสายไฟหรือท่อน้ำ เพื่อลดปัญหาการแตกร้าวจากการฉาบ
4. หลังจากทำการฉาบผนังคอนกรีตมวลเบาเรียบร้อยแล้ว หากต้องการตอกตะปูเพื่อใช้ในการยึดแขวนวัสดุหรือของใช้ต่างๆ ให้ฝังในพุ๊กไนล่อนหรือพุ๊กเหล็ก ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการยึดตะปูให้แน่นได้เป็น อย่างดี

การฉาบผนังที่ได้ผลดีไม่มีรอยแตกร้าว ก็จะขึ้นอยู่กับวัสดุที่นำมาก่อ คือ อิฐที่ให้ก่อผนังบ้าน ซึ่งในปัจจุบัน บริษัทเอ็นวัน จำกัด ได้พัฒนาอิฐมวลเบา BlokCo ผลิตจากวัสดุที่มีคุณภาพ ทำให้อิฐมวลเบา BlokCo มีความแข็งแรง ทนทาน มีขนาดที่ได้มาตรฐาน มิติเที่ยงตรง ทำให้ง่ายต่อการก่อผนัง และจะทำให้งานฉาบผนังปูนทำได้ง่ายมากขึ้นด้วย ปัจจุบัน อิฐมวลเบา BlokCo มีโรงงานผลิตั้ได้มาตราฐานมีกำลังผลิตเพียงพอต่อการสั่งซื้อของลูกค้าในแต่ละรอบการสั่ง ซึ่งมีโรงงานผลิตและเป็นสถานที่จัดจำหน่าย ที่จังหวัดศรีสะเกษ และจังหวัดอุบลราชธานี 

อิฐมวลเบาคุณสมบัติรอบด้าน


อิฐมวลเบาเป็นผลิตภัณฑ์คอนกรีตชนิดใหม่ ผลิตจากวัตถุดิบธรรมชาติได้แก่ ปูนซิเมนต์ ทราย ปูนขาว ยิบซั่ม น้ำ และสารกระจายฟองอากาศส่วนผสมพิเศษในอัตราส่วนที่เป็นสูตรเฉพาะตัว  เป็นวัสดุก่อสร้างยุคใหม่ที่มุ่งเน้นให้เกิด ประโยชน์สูงสุดจากการนำไปใช้งานทุกด้าน ด้วยคุณสมบัติพิเศษ คือ ตัววัสดุมีน้ำหนักเบา ขนาดก้อนได้มาตรฐานเท่ากันทุกก้อน ทนไฟ ป้องกันความร้อน ป้องกันเสียง ตัดแต่งเข้ารูปง่าย ใช้งานได้เกือบ 100% ไม่มีเศษเป็นอิฐหัก และที่สำคัญคือรวดเร็ว สะอาด ลดระยะเวลาในการก่อสร้างและลดต้นทุนโครงสร้างและมีคุณสมบัติที่ ดังนี้

1. คุณสมบัติทางกายภาพ อิฐมวลเบา หนา 10 เซนติเมตร เมื่อรวมน้ำหนักวัสดุรวมปูนฉาบจะหนัก 120 กิโลกรัม ในขณะที่อิฐมอญก่อ 2 ชั้น (เว้นช่องว่างตรงกลาง) จะหนัก 180 กิโลกรัม ซึ่งน้ำหนักของการก่ออิฐมอญจะมากกว่าทำให้ต้องเตรียมโครงสร้างเผื่อกันรับน้ำหนักในส่วนนี้ด้วย ทำให้ต้นทุนโครงสร้างเพิ่มขึ้น
2. การกันความร้อน หากเป็นกรณีปกติ อิฐมวลเบาจะมีค่าการนำความร้อนที่ต่ำกว่าอิฐมอญประมาณ 8-11 เท่า แต่การก่อผนังภายนอกอิฐจะต้องมีความหนา 10 เซนติเมตร และผนังภายในหนา 7 เซนติเมตร ขึ้นไป จึงจะสามารถกันความร้อนได้ดี แต่ในกรณีใช้อิฐมอญก่อ 2 ชั้น ตัวช่องว่างตรงกลาง จะทำหน้าที่เป็นฉนวนกันความร้อนที่ดี และอิฐแถวด้านในไม่สัมผัสความร้อนโดยตรง จึงทำให้คุณสมบัติตรงนี้ของอิฐมอญจะมีความสามารถในการกันความร้อนได้ดีกว่า แต่การเว้นช่องว่างไม่ควรต่ำกว่า 5 เซนติเมตร
3. การกันเสียง ปกติอิฐมวลเบาจะกันเสียงได้ดีกว่าอิฐมอญประมาณ 20% แต่ในกรณีใช้อิฐมอญก่อ 2 ชั้น ช่องว่างตรงกลางจะทำหน้าเป็นฉนวนกันเสียงได้ดีกว่าเกือบ 2 เท่า แต่อิฐมวลเบาจะลดการสะท้อนของเสียงได้ดีกว่าเนื่องจากโครงสร้างของอิฐมวลเบามีฟองอากาศเป็นจำนวนมากอยู่ภายในทำให้ดูดซับ เสียงได้ดี จึงเหมาะสำหรับห้องหรืออาคารที่ต้องการความเงียบ เช่น โรงภาพยนตร์หรือห้องประชุม
4. การกันไฟ อิฐมอญก่อ 2 ชั้นมีฉนวนตรงกลาง (ช่องว่างตรงกลาง) จะกันไฟได้ดีกว่าอิฐมวลเบาเล็กน้อยและทนไฟที่ 1,100 องศาเซลเซียส ได้นานกว่า 4 ชั่วโมงซึ่งนานกว่าอิฐมอญ 2-4 เท่า ทำให้จะช่วยจำกัดความเสียหายในกรณีที่เกิดเพลิงไหม้ได้
5. ความแข็งแรง การใช้งานทั่วไปไม่ต่างกัน แต่ผนังอิฐมอญจะเหมาะสำหรับการใช้วัสดุกรุผนังที่มีน้ำหนักมาก เช่น หินแกรนิต หรือหินอ่อน
6.น้ำหนักเบาและรับแรงกดได้ดี น้ำหนักเบากว่าอิฐมอญ 2-3 เท่า และเบากว่าคอนกรีต 4-5 เท่า ส่งผลให้ประหยัดค่าก่อสร้างโครงสร้างอาคาร และเสาเข็มลงได้อย่างมาก แต่อาคารยังคงมีความแข็งแรงเท่าเดิมจากโครงสร้างของอิฐมวลเบาที่ประกอบไปด้วยฟองอากาศจำนวนมากทำให้มีน้ำหนักเบาและสามารรับแรงกดได้ดี ซึ่งจากคุณสมบัติข้อนี้ทำให้ผู้ใช้สามารถประหยัดต้นทุนในการ ก่อสร้างได้มาก ยกตัวอย่างเช่น ไม่ต้องลงเสาเข็มลึกมากเนื่องจากโครงสร้างเบาและสามารถ ก่อสร้างโดยใช้โครงสร้างที่เล็กลง ทำให้ประหยัดการใช้เหล็กและมีพื้นที่ใช้สอยภายในมากขึ้น
7. ประหยัดพลังงาน เนื่องจากสามารถกันความร้อนได้ดีกว่าอิฐมอญแล้วยังใช้เครื่องปรับอากาศที่มีขนาดเล็กลงได้ ช่วยประหยัดค่าไฟไปได้มาก กันความร้อนได้ดีกว่าอิฐมอญถึง 4-8 เท่า จึงช่วยลดการถ่ายเทความร้อนจากภายนอก สู่ภายในอาคารได้เป็นอย่างดี ช่วยลดค่าไฟฟ้าได้ถึง 30%
8. ใช้งานง่าย และรวดเร็ว เนื่องจากการผลิตที่เป็นมาตรฐานทำให้สินค้าที่ออกมาเท่ากันทุกก้อน ไม่เหมือนกับอิฐมอญที่ยังมีความไม่เป็นมาตรฐานอยู่ทำให้การก่อสร้างโดยใช้อิฐมวลเบาจะใช้เวลาในการก่อและเกิดการสูญเสียน้อยกว่า โดยเฉลี่ยแล้วภายใน 1 วันการก่อผนังโดยใช้อิฐมวลเบาจะได้พื้นที่ 25 ตรมไม่ต้องอาศัยความชำนาญของช่าง สามารถตัด แต่ง เลื่อย ไส เจาะ ฝังท่อระบบได้โดยใช้เครื่องมือเฉพาะที่ใช้งานง่าย และหาซื้อได้ทั่วไป. ขณะที่หากใช้อิฐมอญจะก่อได้เพียง 12 ตรม. นอกจากนี้ยังช่วยประหยัดวัสดุอื่นๆ เช่น ปูนฉาบด้วย เนื่องจากสามารถก่อฉาบได้บางกว่าช่วยจำกัดความเสียหายในกรณีที่เกิดเพลิงไหม้ได้
9.มิติเที่ยงตรง ขนาดมิติเที่ยงตรง แน่นอน ได้ชิ้นงานที่เรียบ สวยงาม มีหลายขนาดให้เลือก ประหยัดวัสดุ และ แรงงานในการก่อ ฉาบ
10. อายุการใช้งาน ยาวนานเท่าโครงสร้างคอนกรีต (50 ปี) เนื่องจากวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตได้แก่ ปูนซีเมนต์ ทราย  สารกระจายฟองและเหล็กเส้น จึงมีอายุการใช้งานยาวนานกว่า อิฐมอญซึ่งส่วนผสมส่วนใหญ่ คือ ดิน
จากคุณสมบัติอันโดดเด่นบวกกับมาตรฐานที่เป็นสากลดังที่กล่าวมาข้างต้น ท่านสามารถติดต่อสั่งซื้ออิฐมวลเบา BlokCoได้ที่โรงงานผลิตของเราได้ที่
1.โรงงานผลิตอิฐมวลเบา ตั้งอยู่ที่ อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี เดินทางง่าย สะดวก มีพนักงานให้บริการอย่างดี
2.ที่ตั้งโรงงานอยู่บนถนนเส้นรอบเมือง ตรงข้าม Big C อำเภอเมือง จังหวัดศรีสะเกษ สังเกตได้ง่าย   เดินทางสะดวก

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ :http://www.hbaan.com/blokco.html


วันพฤหัสบดีที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2556

การก่อผนังสร้างบ้าน

การก่อผนังสร้างบ้าน
การก่อผนังด้วยอิฐ 2 ชั้น ต้องระวังเรื่องใด 

มีบางครั้งที่เราออกแบบผนังก่ออิฐ 2 ชั้นซ้อนกัน เนื่องจากเหตุผลทางด้านความงามและความสะดวกสำหรับการจัดเฟอร์นิเจอร์ภายในแต่ก็ต้องพึงระวังในเรื่องการแตกร้าวของผนังไว้ด้วย เพราะช่องว่างระหว่างกลางนี้จะเป็นตัวดูดความชื้นจากอิฐ และอิฐก็จะไปดูดความชื้นมาจากปูนฉาบอีกที ทำให้ผนังเกิดการแตกร้าวได้ วิธีแก้ง่าย ๆ คือควรเทคอนกรีตลงในช่องว่างนี้ให้เต็ม จะลดความชื้นภายในได้อีกทางหนึ่ง ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องเผื่อการรับน้ำหนักของคานไว้ด้วย
-                   ควรแช่อิฐก่อนจะนำมาก่อกำแพงนั้น เขาทำเพื่อ ?
เรารู้กันดีอยู่แล้วว่า ธรรมชาติของอิฐนั้นเป็นวัสดุที่ดูดซับน้ำ ดังนั้นเพื่อไม่ให้อิฐมีการดูดซับน้ำจากปูนฉาบและทำให้ปูนฉาบแห้งเร็วเกินไป (เป็นผลให้กำแพงแตกร้าว) เราจึงควรแช่อิฐที่จะใช้ก่อลงในน้ำทุกก้อน แล้วจึงนามาก่อกำแพงในขณะที่อิฐยังเปียกอยู่
-                   ตาข่ายกรงนก ใช้ในงานก่อสร้างอย่างไร
สำหรับงานก่อสร้างผนังปูนนั้น หากมีตาข่ายกรงนกขึงบนกาแพงอิฐก่อนที่ฉาบปูน จะทำให้เนื้อปูนจับและยึดติดกันอย่างแน่นหนายิ่งขึ้นผนังปูนก็จะไม่แตกร้าวง่าย ๆ
อีกวิธีการหนึ่ง คือ การใช้อิฐมวลเบา BlokCo ในการก่อนผนังบ้าน  เนื่องจากอิฐมวลเบา BlokCo  คุณสมบัติพิเศษของอิฐมวลเบา คือ มีขนาดที่มาตรฐานทำให้ก่อผนังทำได้ง่ายขึ้น สามารถใช้ปูนธรรมดาในการก่อฉาบได้ และยังลดการแตกร้าวของผนังเนื่องจากส่วนผสมที่นำผลิตอิฐมวลเบาคล้ายกันกับส่วนผสมของปูนซีเมนต์ สามารถกันเสียงได้ดีกว่ากว่าอิฐมอญ อิฐบล็อก  สามารถกันไฟได้ดีกว่า อิฐมอญ 2-4 เท่า  และมีน้ำหนักเบาขนย้ายง่าย ทำให้มีค่าใช้จ่ายในการจ่ายค่าวัสดุก่อสร้างลดลง  สามารถสั่งซื้อได้ที่ โรงงานผลิตที่จังหวัดอุบลราชธานี และ จังหวัดศรีสะเกษ  +อิฐมวลเบา BlokCo 

วันจันทร์ที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2556

ก่อนตัดสินใจที่จะมีบ้าน



คำว่าบ้านนั้นหลายคนอาจให้ความหมายที่แตกต่างกัน เป็นที่อยู่อาศัย เป็นที่อยู่ร่วมกันของคนในครอบครัว บ้านจึงเป็นที่อยู่อาศัยของมนุษย์ให้ความรัก ความอบอุ่น ความปลอดภัย เป็นศูนย์รวมของสมาชิกทุกคนในครอบครัวที่จะใช้ชีวิตร่วมกันอย่างมีความสุขและมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน  การสร้างบ้านแต่ละหลังจึง เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความต้องการ ความเป็นอยู่กิจกรรมและรสนิยม หรือ ชีวิตของผู้อยู่อาศัย ซึ่งการมีบ้านสักหลังเป็นการลงเงินก้อนใหญ่ เพื่อให้ได้บ้านที่เหมาะสมกับเงินที่ใช้ในการลงทุนไป  ก่อนที่จะตัดสินใจบ้านสักหลัง  จึงต้องมีความพิถีพิถันพิจารณาให้รอบคอบถึงเรื่องต่างๆที่มีผลกระทบกับการสร้างบ้าน หรือซื้อบ้านสร้างสำเร็จรูปที่เรียกกันทั่วไปว่า บ้านจัดสรรการจัดซื้อบ้าน หรือการออกบ้านสร้างเองควรมีความรู้พื้นฐานดังนี้

-          ความต้องการขั้นพื้นฐาน บ้านที่ต้องการนั้นจะเป็นลักษณะใด ขนาดของตัวบ้าน จำนวนห้องนอน ห้องน้ำ สิ่งประกอบอื่น ๆ ต้องการอย่างไร ทั้งนี้จะพิจารณาได้จากจำนวนสมาชิกในครอบครัว
-          ขนาดของที่ดินและลักษณะของที่ดิน จะต้องพิจารณาดูว่า ที่ดินนั้นมีขนาดพื้นที่เป็นจำนวนเท่าใด สามารถที่จะปลูกสร้างบ้านตามความต้องการได้หรือไม่

-         ตำแหน่งปลูกสร้างตัวบ้าน ถนนที่ผ่านหน้าที่ดินก็มีความสำคัญกับการจัดวางตำแหน่งตัวบ้าน
-         ทิศทางแดด, ลม, ฝน เรื่องของทิศทางแสงแดด ลม และฝน เป็นสิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งที่ต้องพิจารณา ทั้งนี้เพราะประเทศไทยเราเป็นประเทศที่ได้รับอิทธิพลเรื่องดินฟ้าอากาศมาก
-         การจัดประโยชน์ใช้สอย  การจัดตัวบ้านให้ได้พื้นที่ใช้สอยที่ลงตัว และใช้ประโยชน์จากพื้นที่มากที่สุด
-          รสนิยม รูปแบบบ้านที่ใช้ในการก่อสร้าง ก็ต้องมาจากรสนิยมของเจ้าของบ้านเพื่อให้บ้านที่ถูกสร้างถูกใจ
-           งบประมาณที่เหมาะสม ต้องดูงบประมาณที่เราทีให้เหมาะสมกับความต้องการ ที่ต้องการสร้างบ้าน
-            การขออนุญาตปลูกสร้าง  ศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับการขออนุญาตการก้อสร้างบ้าน
-            การขอเลขที่บ้าน, ไฟฟ้า และประปา
-            การกู้เงินจากสถาบันการเงิน 
ความรู้เหล่านี้จะช่วยให้เจ้าของบ้าน หรือผู้ที่จะมีบ้าน สามารถตัดสินใจเลือกบ้านที่เหมาะสมกับตนเองมากที่สุด
ทำความรู้จักเกี่ยวกับอิฐมวลเบา BlokCo ที่ทำมาจากวัสดุที่ชนิดพิเศษทำให้มีทำหนักเบา เหมาะกับการสร้างบ้านยุคให้ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม เพราะ การใช้อิฐมวลเบาในการก่อผนังบ้านจะทำให้บ้านมีอาเย็น และสามารถลดค่าไฟฟ้าได้ถึง 25 %  มีขนาดที่ได้มาตรฐานมิติเที่ยงตรง และยังสามารถลดต้นทุนการผลิได้อย่างดี โดยมีโรงงานผลิตที่ จังหวัดอุบลราชธานีและจังหวัดศรีสะเกษ
 ข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ :http://www.hbaan.com/blokco.html